ประวัตินักเตะ สารัช อยู่เย็น
สารัช อยู่เย็น เจ้าของฉายา ปิดทองหลังพระ นักเตะดาวรุ่งของทีมชาติไทยวัย 26 ปี เกิดในวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 มีชื่อเล่นว่า “ ตังค์ ” บ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ มีส่วนสูง 160 เซนติเมตร น้ำหนัก 60 กิโลกรัม ใส่เสื้อหมายเลข 6 ปัจจุบันได้เล่นให้สโมสรฟุตบอล เอสซีจี เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ในตำแหน่งกองกลาง โดยเริ่มฝึกเล่นฟุตบอลครั้งแรกตอน 7 ขวบ จุดเริ่มมาจากคุณพ่อที่เป็นนักฟุตบอลและสารัชเองก็จะชอบตามไปดูพ่อแข่งเป็นประจำจึงทำให้ซึมซับและรู้สึกว่ากีฬาฟุตบอลสนุกเลยชอบมาตั้งแต่เด็ก จนมาถึงวัย 10 ขวบถือเป็นจุดแรกที่ได้เริ่มลงสนามฝึกซ้อมอย่างจริงจัง โดยตอนนั้นเรียนอยู่ชั้น ป. 5 ที่โรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการโดยโค้ชคนแรกของอาซาร์คือ มาสเซอร์ นฤพล มาฬมงคล ซึ่งเขาเองก็ทำได้เป็นอย่างดีจนติดทีมชาติชุดเยาวชนมาตั้งแต่เด็ก ด้วยหน้าตาที่ดูดีจึงได้รับการทาบทามให้เป็นพระเอกมิวสิกวิดีโอเชือกวิเศษของวงลาบานูน หลายท่านก็คงอาจคุ้นๆ กันบ้างแล้ว แต่อย่างไรก็ตามสารัชเองก็ยังโฟกัสไปที่การเล่นฟุตบอลเป็นหลัก ดูได้จากผลงานที่ทำออกมาได้ดีในการแข่งขันทีมชาติหลายๆ รายการ โดยในการแข่งขันเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014 สารัชเป็นเจ้าของสถิติส่งบอลสำเร็จมากที่สุด ถือว่าเป็นผู้เล่นที่เก็บสะสมประสบการณ์มาได้อย่างดีจากการฝึกซ้อมและมีพัฒนาการที่ไว เลยส่อแววให้ ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ได้เทียบเชิญให้เข้ามาสู่แคมป์จนกลายมาเป็น สารัช อยู่เย็น ที่รู้จักกันในทุกวันนี้
เส้นทางการแข่งทีมชาติของ สารัช อยู่เย็น
เส้นทางแรกที่ สารัช อยู่เย็น ได้เข้ามาสู่ทีมชาติเริ่มต้นจากการที่ได้ติดทีมชาติไทยในชุดเยาวชนทุกชุดแล้วพออายุ 19 ปี สารัชก็ได้ติดทีมชาติไทยได้ไปแข่งซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ในประเทศอินโดนีเซีย โดยในขณะเดียวกันนั้นก็ได้ถูกยืมตัวไปเล่นให้กับภูเก็ต ซึ่งเขาก็ทำผลงานออกมาได้อย่างดีเยี่ยมทำให้สร้างชื่อเป็นที่รู้จักของชาวไทยจนมาถึงปี 2556 ก็ได้คว้าแชมป์ฟุตบอล แม่โขง คัพ แต่น่าเสียดายที่สารัชไม่ติดทีมชาติไทยในชุดซีเกมส์ 2013 ที่ประเทศเมียนมาร์ ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้เขานั้นรู้สึกท้อแต่อย่างไรนั้นปีนั้นเองเขาก็ได้สร้างผลงานให้กับนครราชสีมาเป็นที่น่าพอใจจนเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลนครราชสีมา ต่อมาก็ได้ติดทีมชาติไทยชุดเอเชียนเกมส์ 2014 ที่เมืองอินชอนประเทศเกาหลีใต้หลังจากทำผลงานที่ดีให้กับเมืองทอง ยูไนเต็ด เลยได้เทียบเชิญจาก เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เรียกเข้าไปเล่นให้กับทีมชาติอีกครั้ง โดยได้พาทีมชาติไทยสร้างประวัติศาสตร์เข้าสู่รอบสี่ทีมสุดท้ายอีกครั้ง ต่อมาในปลายปี พ.ศ. 2557 ก็ได้แข่งขันในรายการเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 สารัชเป็นหนึ่งในทีมชาติที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ และในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เกมไทยลีก ฤดูกาล 2560 ที่พบกับสุโขทัย เขาก็ต้องพบกับฝันร้ายเมื่อได้รับอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า จนกระดูกด้านนอกหัก ทำให้ต้องพักรักษาตัวถึง 8 เดือน ทำให้ช่วงนั้นเขาไม่ได้ลงแข่งในรายการใดๆ
การใช้ชีชีวิตประจำวันของ สารัช อยู่เย็น
การใช้ชีวิตประวันของ สารัช ในฐานะนักกีฬาฟุตบอลอาชีพนั้นก็อาจจะไม่ต่างไปจากผู้คนทั่วไปซักเท่าไหร่ โดยในแต่ละวันนั้นส่วนมากจะเป็นการฝึกซ้อมและดูแลร่างกายให้พร้อมในการลงแข่งถือเป็นเรื่องปกติสำหรับนักกีฬาอาชีพหลายๆ คน แต่เขาก็ยังแบ่งเวลาในการพักเพื่อผ่อนคลายจิตใจและร่างกาย สิ่งนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่ควรที่จะทำอะไรให้ร่ายกายรับภาระหนักจนเกินไป แต่เคล็ดลับที่ทำให้ สารัช อยู่เย็น ประสบความสำเร็จก็คือความมีวินัยนั้นเองสิ่งนี้จะส่งผลให้เขาประสบความสำเร็จในเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพนี้ได้
สารัช จะตื่นในช่วงเวลา 8:30 น. – 9:00 น. ทุกวัน ซึ่งหลังจากอาบน้ำเสร็จสิ่งแรกที่ทำคือการกินข้าวเช้า เพราะเขาคิดว่าอาหารเช้านั้นถือเป็นมื้อที่สำคัญมาก โดยปกติก็จะกินอาหารจำพวกแป้ง คาร์โบไฮเดรต เป็นหลัก ซึ่งเคยมีเหตุการณ์ที่เขาไม่ได้กินข้าวเช้าและไปกินทีเดียวในตอนบ่าย พอเขาลงซ้อมทำให้ตัวเขาเองรู้สึกว่ามีอาการหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม เลยคิดว่าน่าจะเป็นจากสาเหตุที่ไม่ได้กินข้าวเช้านั้นเองเลยส่งผลต่อร่างกาย
ช่วงเวลา 10:00 น. ก็เป็นช่วงเวลาในการผ่อนคลายหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ การผ่อนคลายนั้นก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับนักฟุตบอลอาชีพ เพราะในการแข่งขันนักฟุตบอลจะมีความเครียดและแรงกดดันเป็นอย่างมากทั้งในเรื่องของผลงานที่ต้องพยายามทำออกมาให้ดีที่สุดไม่ใช่เพื่อตัวเองอย่างเดียว แต่เพื่อแฟนบอลที่เชียร์เราอยู่ด้วยจึงไม่อยากทำให้ทุกคนผิดหวังร่วมไปถึงผู้บริหารที่คาดหวังให้ผลออกมาดีที่สุดเลยต้องทำให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ สิ่งเหล่านี้เลยมีผลทำให้เกิดความเครียดพอสมควร ฉะนั้นพอมีเวลาว่างเราก็ต้องรีแล็กซ์อย่างอื่นบ้างทางสโมสรเลยได้มีการจัดสรรเวลาให้นักกีฬาได้มีเวลาหยุดพัก เพื่อผ่อนคลายร่างกายและสมองหรือมีเวลาอยู่กับครอบครัวบ้าง ซึ่งตัวสารัชเองก็จะใช้เวลาช่วงนี้ไปกับการเล่นเกมฟุตบอลกับเพื่อนๆ ได้ทั้งความสนุกและเพิ่มความสนิทสนมให้มากยิ่งขึ้น และยังสามารถทดลองแผนการเล่นโดยการใช้เกมเป็นตัวจำลองสถานการณ์จริงๆ ได้อีกด้วย
ช่วงเวลา 15:00 น. ส่วนมากสารัชก็จะเดินทางมาที่สนามเพื่อไปนวดกล้ามเนื้อก่อนที่จะเริ่มลงซ้อมทุกครั้ง เพราะอันที่จริงแล้วนักกีฬาทุกคนจะต้องทำการยืดเส้นก่อนที่จะลงซ้อมทุกครั้งถือเป็นวิธีที่ถูกต้อง เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมให้กับร่างกายทำให้กล้ามเนื้อมันยืดหยุ่นลดอาการบาดเจ็ดได้ โดยส่วนตัวสารัชก็จะนวดคลายกล้ามเนื้อก่อนลงสนามทุกครั้ง ถ้าครั้งไหนไม่ได้นวดก็จะรู้สึกว่าร่างกายหนักๆ ขยับไม่ได้เต็มที่
ช่วงเวลา 16:30 น. เป็นช่วงเวลาฝึกซ้อมโดยจะฝึกซ้อมตามที่ทางโค้ชได้วางแผนไว้ให้ ซึ่งจะมีการซ้อมหนักในช่วง pre-season เพื่อความพร้อมทั้งร่างกายและรูปแบบการเล่นเรียกความฟิตของรางกายก่อนเริ่มฤดูกาล เพราะถ้าไม่ซ้อมอาจทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันฟอร์มในการเล่นอาจไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งจะส่งผลเสียต่อทีมอย่างแน่นอนตัวสารัชเองให้ความสำคัญในการซ้อมเป็นอย่างมากในการซ้อมทุกครั้งนั้นถือเป็นประโยชน์สำหรับการลงแข่งในทุกนัดนั้นเอง
ช่วงเวลา 18:00 น. เป็นช่วงเวลาที่เลิกจากการซ้อม สารัชก็จะต้องไปนวดเพื่อคลายกล้ามเนื้ออีกรอบต่อด้วยแช่น้ำร้อนเพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ใช้ในการฝึกซ้อม วิธีนี้จะช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้เป็นอย่างดี ซึ่งสารัชก็ต้องทำทุกครั้งหลังซ้อมเสร็จ
ช่วงเวลา 19:00 น. เป็นเวลาอาหารเย็นก็ถือว่าสำคัญไม่แพ้มื้ออื่นๆ แต่ช่วงนี้ก็จำเป็นที่จะต้องเลือกกินอาหารซักหน่อย โดยส่วนมากสารัชจะเลือกกินแต่ของที่ไม่มีไขมันหรือไขมันต่ำ เพื่อลดในเรื่องของไขมันส่วนเกินที่จะส่งผลต่อร่างกายจึงต้องมีวินัยในการควบคุมตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะประเทศไทยนั้นขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าอาหารอร่อยมีให้เลือกกินมากมายแต่ส่วนมากจะเน้นไปที่แป้งหรืออาหารที่มีไขมันซะเป็นส่วนใหญ่สารัชเองก็เลยต้องคอยห้ามใจแต่บางทีก็อาจจะมีบ้างนานๆ ครั้ง
ช่วงเวลา 23:00 น. เป็นช่วงเวลาเข้านอนของสารัชก็จะอยู่ประมาณ 4 – 5 ทุ่มไม่เกินนี้โดยส่วนใหญ่นักกีฬาก็จะใช้เวลาพักผ่อนประมาณ 9 – 10 ชม. การจัดสรรเวลานอนหลับก็เป็นเรื่องสำคัญเพื่อที่ร่างกายของเราจะไปฟื้นตัว ถ้านอนไม่พอก็อาจทำให้รู้สึกเวลาตื่นขึ้นมาแล้วไม่สดชื่นอาจจะมีอาการมึนหัว ซึ่งส่วนตัวสารัชแล้วก็ไม่เป็นคนนอนกลางวันด้วยถ้านอนดึกหรือนอนไม่เต็มอิ่มก็อาจทำให้ส่งผลต่อสภาพร่างกายตลอดทั้งวันนั้นเลยทีเดียว
ผลงานที่ทำในทีมชาติไทย
• ค.ศ. 2011 ซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ณ ประเทศอินโดนีเซีย
• ค.ศ. 2013 ชนะเลิศแม่โขงคัพ ที่ประเทศกัมพูชา
• ค.ศ. 2014 อันดับที่ 4 การแข่งขันฟุตบอลในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 ณ เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้
• ค.ศ. 2014 ชนะเลิศ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014
• ค.ศ. 2015 ชนะเลิศ ซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ณ ประเทศสิงคโปร์
• ค.ศ. 2016 รอบสุดท้าย คัดฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย